เป็นอีกหนึ่งนักร้องและนักแสดงมากความสามารถ ที่เรามักจะได้เห็นผลงานของเค้าอยู่เสมอ สำหรับ “ตูมตาม-ยุทธนา เปื้องกลาง” ซึ่งเป็นผู้ชนะเลิศจากการแข่ งขั นร้องเพลงในรายการ เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้ๅดาว ปีที่ 7
ทำให้เขาก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พร้อมทั้งสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้แฟน ๆ ได้ชมกันอย่างต่อเนื่อง
แต่ในระยะเวลาไม่นาน การมีชื่อเสียง เงิ นท อง ทำให้ตัวเองห ลงผิ ด ใช้ชีวิตเกินตัว จนต้องเสี ยใจให้กับความผิ ดพล าดในครั้งนั้น ซึ่งถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตเลยก็ว่าได้ เค้าจึงอยากจะถ่ายทอดเรื่องราวของตัวเอง เพื่อเป็นอุ ทาห รณ์ให้กับคนอื่น ๆ เช่นกัน
ชีวิตหลังจากเข้ามาในวงการบันเทิงเปลี่ยนไปไหม ?
ตูมตาม : เปลี่ยนครับ ความเปลี่ยนอย่างแรกเลยคือ เรื่องความห ลงผิ ดไปนั่นแหละ ผมเข้ามาชีวิตเปลี่ยนไปคนละด้านเลย จากที่เรามีเงินใช้หลักร้อ ย กลายเป็นมีเงินใช้หลักหมื่ น หลักแส น
ผมก็ไม่รู้ว่าเงิ นทอ งที่ได้มาเยอะขนาดไหน เพราะตอนนั้นผมไม่ได้เป็นคนเก็บเงิ นเอง พ่อกับแม่เป็นคนเก็บให้ แล้วผมมีหน้าที่ทำงาน พ่อกับแม่จะเห็นอยู่แล้วว่า ผมทำงานหนัก
เล่าที่มาของบ้านหลังนี้ให้ฟังหน่อย ?
ตูมตาม : ก่อนหน้านี้ไม่ได้วางแผนจะซื้อบ้านเลย อยู่คอนโดมาตลอด แต่พอพ่อกับแม่ย้ายมาอยู่ด้วย ห้องก็เล็กเกินไป อยากให้พ่อ-แม่ได้อยู่แบบสบาย ๆ จึงตัดสินใจซื้อและย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้
ส่วนการตกแต่งภายในหลัก ๆ ก็จัดการเอง โดยมีพ่อเป็นคนซัพพอร์ต เช่น โต๊ะกินข้าวก็ออกแบบเอง แล้วเอาไปให้ช่ างทำ ส่วนโคมไฟก็ช่วยกันทำกับพ่อสองคน นอกจากนี้ยังพาไปชมห้องส่วนตัวที่บอกเลยว่า เป็นระเบียบเรียบร้อยมากจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโซนที่นอน ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ รวมไปถึงเสื้อผ้าที่ หนุ่มตู มตๅม จัดเก็บไว้เป็นอย่างดี
ชีวิตก่อนเป็นศิลปินกับหลังเป็นศิลปินต่างกันขนาดไหน ?
ตูมตาม : ต่างกันโดนสิ้ นเชิงเลยครับ คือ คุณพ่อ คุณแม่ ไม่ต้องทำงานแบบหาเช้ากินค่ำเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ตอนนั้นลำบากไหม ?
ตูมตาม : ลำบ ากครับ คุณพ่อ คุณแม่ มีเงินส่งให้ผมเดือนละ 4 พั น และเงินจำนวนนี้ คือ ต้องเก็บไว้กินกับเรียน จิปาถะผมไม่มีเลย ผมเลยใช้ชีวิตอยู่หอในมหาวิทยาลัยตลอด แล้วผมก็กู้ กยศ. ถามว่าพอไหม พอครับ พอเฉพาะกินอยู่ บางทีเราก็แบ่งเงินไปซื้อ ข้าว ไข่ มาม่า เพื่อหุงกินเอง
ถ้าเรามองกลับไปตอนั้น คิดว่ามันเป็นรสชาติของชีวิตไหม ถ้าเลือกได้เราอยากจะกลับไปผ่านจุดนั้นอีกไหม ?
ตูมตาม : ดีใจมากที่ผ่านจุดนั้นมาได้ เพราะมันทำให้ผมรู้จักคิดในการเอาชีวิตรอ ดกับสถานการณ์ตรงหน้า แต่พอเรามามองตอนนี้ เออ…ตอนนั้นมันลำบ ากนะ แต่ ณ ตอนนั้นคือ ไม่ได้คิดอะไรเลย
อย่างไรก็ต้องขอชื่นชมในความขยันและอ ดทนของ หนุ่มตู มตๅม แถมยังเป็นคนที่มีความกตัญญูต่อคุณพ่อคุณแม่อีกด้วยนะคะ